มะ้้เร็งหายได้ อย่าท้อ
ภูมิต้านทานคืออาวุธที่ดีที่สุด ที่ธรรมชาติมอบให้ไว้ต่อสู้โรค แต่เมื่อมันอ่อนแอหรือมีจำนวนน้อยลงจนไม่สามารถเอาชนะเชื้อโรคได้ เชื้อโรคก็แสดงเดช ทำร้ายเซลล์ต่างๆ ทำให้เราเป็นสารพัดโรคขึ้นมา หลายๆโรคอาจทำให้เสียชีวิตได้ แต่ถ้าเราทำให้ภูมิต้านทานแข็งแรงและมีมากพอที่ต่อสู้ได้ เราก็ไม่เป็นโรค
ภูมิต้านทานคืออาวุธที่ดีที่สุด ที่ธรรมชาติมอบให้ไว้ต่อสู้โรค แต่เมื่อมันอ่อนแอหรือมีจำนวนน้อยลงจนไม่สามารถเอาชนะเชื้อโรคได้ เชื้อโรคก็แสดงเดช ทำร้ายเซลล์ต่างๆ ทำให้เราเป็นสารพัดโรคขึ้นมา หลายๆโรคอาจทำให้เสียชีวิตได้ แต่ถ้าเราทำให้ภูมิต้านทานแข็งแรงและมีมากพอที่ต่อสู้ได้ เราก็ไม่เป็นโรค
ต่อสู้มะเร็ง เบาหวาน ภูมิแพ้ ไขข้อ เก๊าท์ โรคตับ ไต ไขมันอุดตัน หัวใจ ไมเกรนและอื่นๆ
"ด้วยการกระตุ้นภูมิคุ้มกันจากร่างกายของคุณเอง"
ลดการแพ้ คีโม ฉายแสง (ความทรมานอย่างแสนสาหัสของผู้ป่วย)
และการดูแลฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็งด้วย เบต้ากลูแคน
จุดเริ่มต้น บทบาทของเบต้า กลูแคน ได้จุดกระแสความมีประสิทธิภาพทางยาขึ้นในปี ค.ศ. 1975 โดยนายแพทย์ปีเตอร์ แมนเซล (peter W Mansell M.D.) ได้เขียนผลการศึกษาลงในวารสารของสถาบันมะเร็งแห่งชาติประเทศสหรัฐอเมริกา โดยอธิบายการฉีดเบต้ากลูแคนเข้าไปในนื้องอกมะเร็งผิวหนัง (Melanoma) ของคนไข้ 9 คน พบว่า ขนาดของมะเร็งหดลดลงอย่างรวดเร็วภายในเวลา 5 วัน และถ้าเป็นก้อนเล็กๆ จะหายไป หลังจากนั้นนักวิทยาศาสตร์ก็พากันตื่นตัว มหาวิทยาลัยหลายแห่งได้ทำการศึกษาวิจัยเพื่อความคืบหน้า เพราะมันเป็นรายงานจาก NCI (National cancer institute คือสถาบันมะเร็งแห่งชาติของอเมริกา) ซึ่งเชื่อถือได้
จุดเด่น ในทศวรรษ 1980 (2523) เป็นต้นมา มีงานวิจัยสำคัญที่ควรนำมากล่าวถึงซึ่งสร้างประกายแห่งความมหัศจรรย์ทางเภสัชวิทยาให้กับ เบต้ากลูแคน คือ การศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาด โดย ดร.จอยซ์ ซอพ (Joyce K Czop Ph.D) และคณะ ได้รายงานถึงการค้นพบตำแหน่งบนผิวของเยื่อหุ้มเซลล์เม็ดเลือดขาวขนาดใหญ่ (Macrophage) ซึ่งจะจับกับเบต้ากลูแคนได้อย่างแม่นยำ และเฉพาะเจาะจง เปรียบเหมือนลูกและแม่กุญแจ ที่เข้ากันได้อย่างพอดิบพอดีของมันเท่านั้น ตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งมีขนาด 1-2 ไมครอน เรียกว่า “ตัวรับเฉพาะ “ (Specific receptor) ความน่าทึ่งของระบบภูมิต้านทานของร่างกายก็เพราะ ตัวรับเฉพาะนี้ มีมาตั้งแต่เกิดในเซลล์เม็ดเลือดขาว(เซลล์ภูมิต้านทาน) และจะอยู่ไปจนเราตาย เพื่อรอรับแป้งบางชนิด นั่นคือ เบต้ากลูแคน นั่นเอง เมื่อจับกันเมื่อใดความมหัศจรรย์จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาตินั่นคือ เซลล์ภูมิต้านทานจะตื่นตัว และทำงานได้อย่างแข็งขันกว่าเดิมหลายเท่า เปรียบให้เห็นภาพก็เหมือน ป็อบอายได้กินผักขม ธรรมชาติเป็นผู้กำหนดความสมดุลของจักวาลที่มหัศจรรย์เหนือคำบรรยาย ให้อาวุธแบบต่างๆกับสัตว์โลกไว้ต่อสู้กับศัตรูภายนอกเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ของมันนับตั้งแต่สร้างโลกชนิดที่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
(จากของหนังสือ ดีที่สุดในโลกเท่าที่มนุษย์เคยค้นพบ โดย ศ.ดร.นพ. สมศักดิ์ วรคามิน อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข)
(จากของหนังสือ ดีที่สุดในโลกเท่าที่มนุษย์เคยค้นพบ โดย ศ.ดร.นพ. สมศักดิ์ วรคามิน อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข)
ในเรื่องความสามารถในการป้องกันอันตรายจากรังสีและต้านอนุมูลอิสระ
จากหนังสือเล่มดังกล่าวสรุปไว้ว่า
“นักวิจัยจากคณะแพทย์ศาตร์ ของมหาวิทยาลัยทูเลน ได้รายงานการใช้ เบต้า 1, 3 กลูแคน ในคนไข้ผู้หญิง ฉีดโดยตรงเข้าที่หน้าอก บริเวณแผลมะเร็งเต้านม ซึ่งเกิดจากการผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกและกำลังรักษาต่อด้วยการฉายรังสี พบว่า แผลดังกล่าวหายสนิท ด้วยขนาดที่ใช้คือ 10 มก. ต่อครั้ง นาน 3เดือน ต่อมาใน ค.ศ. 1985 (2528) แพทย์หญิงไมรา แพทเชน (Myra D. Patchen M.D) และคณะนักวิยาศาตร์จากสถาบันวิจัยด้านรังสีของกองทัพสหรัฐอเมริกา (U.S. Amrmed Force Radiology research institute) ได้แถลงผลการทดลองในสัตว์โดยการฉายรังสีขนาดแรงถึงตายกับหนูทดลอง หลังจากนั้นจึงให้หนูกิน เบต้า กลูแคน พบว่า หนูที่ถูกรังสีร้อยละ 70 สามารถอยู่รอดได้อย่างปลอดภัยโดยสมบูรณ์ ทั้งๆที่ควรจะตายทั้งหมด
แพทย์หญิงไมรา แพทเชน ได้สรุปว่า เบต้ากลูแคน ควรนำมาใช้เพื่อสร้างหรือฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและใช้เพื่อป้องกันอันตรายจากการให้ยาคีโม และฉายรังสีบำบัดในคนไข้มะเร็ง นอกจากนี้ยังแนะนำว่า เบต้า กลูแคน ยังช่วยทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเซลล์เม็ดเลือดขาวขนาดใหญ่ (เซลล์ภูมิต้านทาน) จากอันตรายเพราะแสงรังสี สารพิษโลหะหนักอีกด้วย”
เนื้อร้ายอย่างมะเร็งยังถูกทำลายได้ด้วยการคีโม ฉะนั้นก็จะมีผลต่อเซลล์ปกติที่มีการแบ่งตัวเร็วๆด้วย เช่น เซลล์เยื่อบุในช่องปาก เซลล์เยื่อบุลำไส้ เซลล์พวกนี้ผลัดตัวค่อนข้างเร็วทุกๆ 2–3 วัน เพื่อเปลี่ยนชุดใหม่ ยาเคมีมีผลทำให้เซลล์เหล่านี้ตาย ทำให้เกิดอาการเจ็บปาก เจ็บคอ เป็นแผลในปาก และปวดท้อง ท้องเสียได้ นอกจากนี้ยังมีเซลล์อื่นๆ ที่แบ่งตัวเร็วๆ อีกคือ เซลล์รากผม และเซลล์ไขกระดูก ผลกระทบตามมาก็คือผมร่วงและเม็ดเลือดชนิดต่างๆต่ำลงกว่าปกติเพราะไขกระดูกหยุดสร้างเม็ดโลหิต จึงเกิดความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคสารพัดอย่างได้ง่าย เพราะภูมิต้านทาน(เม็ดเลือดขาว)บกพร่องซึ่งสถานะก็ไม่ต่างจากคนเป็นโรคเอดส์
อย่างไรก็ดี จากผลงานวิจัยต่างๆ แสดงให้เห็นว่า การกินเบต้ากลูแคน จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเม็ดโลหิตขาวบกพร่อง นอกจากนี้ ถ้าให้เบต้ากลูแคนร่วมกับสารคัดหลั่งชื่อ interferon gamma ซึ่งใช้รักษามะเร็งในปัจจุบันจะทำให้การทำลายมะเร็งมีประสิทธิภาพมากขึ้น
(จากหนังสือ “เบต้ากลูแคน ดีที่สุดในโลกเท่าที่มนุษย์เคยค้นพบ” โดย ศ.ดร.นพ. สมศักดิ์ วรคามิน ) ดร.สมศักดิ์ วรคามิน ผู้เขียนได้กล่าวไว้ด้วยว่า “ โรคมะเร็งชนิดใดก็ตามที่รักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบันซึ่งใช้ยาคีโม และฉายรังสีจึงควรกินเบต้า กลูแคนร่วมด้วย และผู้เขียน(ดร.สมศักดิ์ วรคามิน)ขอแนะนำว่า ถึงแม้รักษาด้วยวิธีใดก็ตาม การใช้เบต้า กลูแคน ในกรณีมะเร็งทุกรายเป็นสิ่งที่ควรกระทำ เพราะจะช่วยป้องกันการแทรกซ้อนจากรังสีและยังเสริมภูมิต้านทานอีกด้วย”
อย่างไรก็ดี จากผลงานวิจัยต่างๆ แสดงให้เห็นว่า การกินเบต้ากลูแคน จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเม็ดโลหิตขาวบกพร่อง นอกจากนี้ ถ้าให้เบต้ากลูแคนร่วมกับสารคัดหลั่งชื่อ interferon gamma ซึ่งใช้รักษามะเร็งในปัจจุบันจะทำให้การทำลายมะเร็งมีประสิทธิภาพมากขึ้น
(จากหนังสือ “เบต้ากลูแคน ดีที่สุดในโลกเท่าที่มนุษย์เคยค้นพบ” โดย ศ.ดร.นพ. สมศักดิ์ วรคามิน ) ดร.สมศักดิ์ วรคามิน ผู้เขียนได้กล่าวไว้ด้วยว่า “ โรคมะเร็งชนิดใดก็ตามที่รักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบันซึ่งใช้ยาคีโม และฉายรังสีจึงควรกินเบต้า กลูแคนร่วมด้วย และผู้เขียน(ดร.สมศักดิ์ วรคามิน)ขอแนะนำว่า ถึงแม้รักษาด้วยวิธีใดก็ตาม การใช้เบต้า กลูแคน ในกรณีมะเร็งทุกรายเป็นสิ่งที่ควรกระทำ เพราะจะช่วยป้องกันการแทรกซ้อนจากรังสีและยังเสริมภูมิต้านทานอีกด้วย”
จุดสำคัญ ในช่วง ค.ศ. 1960 (พ.ศ. 2503) ดร.นิโคลัส ไดลูซิโอและคณะได้พิมพ์รายงานออกมาเพื่ออธิบายถึงกลไกการทำงานของ เบต้า กลูแคน ในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและวิธีระงับการเกิดมะเร็ง จากการสังเกตของทีมวิจัยมีผลออกมาว่า การสร้างภูมิต้านทานของ เบต้า กลูแคน เกิดจากกระบวนการกระตุ้นการทำหน้าที่ของเซลล์แมคโคฟาจ (Macrophage) หรือเซลล์ภูมิคุ้มกันชนิดกินเชื้อโรค เซลล์ที่มีคุณสมบัติกินสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ รวมถึงเซลล์เพชฌฆาต ซึ่งเป็นเซลล์ขนาดใหญ่ นอกจากจะมีจุดรับเฉพาะ เบต้า กลูแคน แล้วยังมีจุดไว้จับเชื้อจุลินทรีย์หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ เช่น ไวรัส ยีสต์ ปาราสิต และเซลล์มะเร็ง แต่โดยปกติการทำงานของเซลล์ภูมิต้านทานเหล่านี้จะด้อยประสิทภาพ อ่อนแอลงเนื่องจากอายุที่มากขึ้น อาหารไม่มีคุณภาพ มลภาวะต่างๆ อากาศที่เป็นพิษ ความเครียด ออกกำลังกายน้อย หรืออื่นๆ แต่จากการวิจัยพบว่า การได้รับ เบต้า กลูแคน ของ Macrophage มันจะพัฒนารูปร่างและการทำงานโดยเพิ่มอำนาจการกิน คือดุร้ายขึ้น และยังผลิตสารคัดหลั่งหลายชนิดออกมาเพื่อเป็นคำสั่งไปยังภูมิต้านทานทั่วร่างกายให้ออกมาต่อสู้อีกด้วย พร้อมกันนั้นก็จะเป็นการปรับความผิดปกติของภูมิต้านทาน(เช่นโรค SLE(โรคพุ่มพวง) หรือโรคภูมิแพ้ต่าง)ให้เป็นปกติด้วย นอกจากนั้นยังสั่งให้ฆ่าเชื้อต่างๆรวมทั้งเชื้อมะเร็งให้เน่าตายโดยการจับกินและเอาไปย่อยในตัวของมันแล้วคายออกมาเป็นชิ้นส่วนมะเร็งซึ่งเป็น Antigen ( สัญลักษณ์) ติดที่เยื่อหุ้มเซลล์ Macrophage และจะมีเซลล์ที่เรียกว่า Helper-T หลั่งสารเป็นสื่อคำสั่งให้ เซลล์ B Lymphocyte จัดการสร้างแอนติบอดี้ (Antibody) อย่างเฉพาะเจาะจงกับ Antigen มะเร็งนั้น (เหมือนเป็นการสร้างสัญลักษณ์มะเร็งชนิดนั้นติดตัวไว้) โดยจะผลิตมาเป็นล้านๆก๊อปปี้ ลอยไปตามกระแสเลือด เมื่อเจอมะเร็งที่มีลักษณะตรงกัน มันก็จะไปเกาะติดเซลล์มะเร็งนั้นเพื่อทำสัญลักษณ์เป็นเป้าให้เซลล์เพชฌฆาต กับเซลล์นักฆ่าทั้งหลายเห็นเซลล์มะเร็งได้โดยง่ายและมีการทำลายเกิดขึ้น ในขณะเดียวกันก็สั่งให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดขาวมากขึ้นเพื่อปกป้องเซลล์ต่างๆต่อไป
มีการรายงานผลการศึกษาอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1963 (พ.ศ. 2506) พบว่า เบต้า กลูแคน มีคุณสมบัติต้านมะเร็งหลายชนิดทั้งในสัตว์ทดลองและในมนุษย์ องค์การอาหารและยาของประเทศญี่ปุ่นได้อนุญาตให้ใช้ เบต้า กลูแคน เป็นสารกระตุ้นภูมิต้านทาน เพื่อรักษาโรคมะเร็งและได้นำมาใช้เป็นยารักษามะเร็งแบบแพทย์ทางเลือกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) เป็นต้นมาทั้งในประเทศญี่ปุ่นและจีน
มีนักวิทยาศาตร์กล่าวไว้ว่า “ในกรณีที่เกิดสภาวะวิกฤติเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ และท่านต้องเลือกสาร(ยา) เพื่อเอาไว้ต่อสู้กับโรคร้ายเพียงชนิดเดียว ท่านไม่ต้องคิดมากเลย เบต้า กลูแคนเท่านั้นที่ท่านควรเลือกไวใช้ เพราะไม่มีอะไรมาเทียบเคียงได้เลย”
การขัดขวางการทำงานของยาอื่น
(จากของหนังสือ ดีที่สุดในโลกเท่าที่มนุษย์เคยค้นพบ โดย ศ.ดร.นพ. สมศักดิ์ วรคามิน)
(จากของหนังสือ ดีที่สุดในโลกเท่าที่มนุษย์เคยค้นพบ โดย ศ.ดร.นพ. สมศักดิ์ วรคามิน)
“นับตั้งแต่ค้นคว้าจนถึงปัจจุบัน ไม่ปรากฏว่า เบต้ากลูแคน มีผลกระทบที่เสียหายกับยาอื่นๆที่ใช้ร่วมด้วย ตรงกันข้ามกลับพบว่ามีแต่เกื้อหนุนกันและกัน จากสารานุกรม Wikipedia ยังไม่พบว่า เบต้า กลูแคน ขัดขางการทำงานของยาใดๆทั้งสิ้น การรับประทานร่วมกับวิตตามินซี 1000-3000 มก. ต่อวันจะทำให้เบต้ากลูแคนมีสรรพคุณดีขึ้น (เป็นวิธีที่นิยมใช้รักษามะเร็งนญี่ปุ่น) ทำให้ยาปฏิชีวนะและยาลดไขมันทำงานได้ผลดีมาก บางรายงานแนะว่าอาจกินยาทั้งสองน้อยลงได้ เพราะเบต้า กลูแคนโดยตัวมันเองก็ทำหน้าที่ทั้งสองอย่างได้ดีอยู่แล้ว เมื่อเสริมกันจึงทำให้คุณสมบัติสูง และ สูงกว่าเอาผลของแต่ละตัวมารวมกัน”
เบต้ากลูแคน กระตุ้นการสร้างไขกระดูกซึ่งส่งผลให้การสร้างเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดเป็นไปได้ด้วยดี เป็นการฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกัน(ช่วยเรื่องภูมิแพ้,ภูมิเพี้ยน) และระบบเลือดทดแทนส่วนที่ถูกทำลายได้เพียงพอ ทำให้อาการแพ้คีโมหมดไป
เบต้ากลูแคนที่ดีที่สุดต้องเป็นชนิดเจล เพราะดูดซึมง่าย
ไม่ผ่านขบวนการสกัด คุณค่าจากธรรมชาติจึงครบถ้วน 100%
ไม่ผ่านขบวนการสกัด คุณค่าจากธรรมชาติจึงครบถ้วน 100%
ผลิตภัณฑ์นำเข้าจากญี่ปุ่น ด้วยเทคโนโลยี่ชั้นสูง
ซึ่งได้รับการยอมรับจากวงการแพทย์ในญี่ปุ่นมากว่าทศวรรษ
ได้รับ อย.และฮาลาลทั้งในไทยและอื่นๆอีกหลายประเทศ
เหมาะทั้งการดูแลผู้ป่วยและดูแลสุขภาพเชิงป้องกันสำหรับคนทั่วไป
ซึ่งได้รับการยอมรับจากวงการแพทย์ในญี่ปุ่นมากว่าทศวรรษ
ได้รับ อย.และฮาลาลทั้งในไทยและอื่นๆอีกหลายประเทศ
เหมาะทั้งการดูแลผู้ป่วยและดูแลสุขภาพเชิงป้องกันสำหรับคนทั่วไป
สนใจ ผลิตภัณฑ์ เบต้า กลูแคน
หรือต้องการซื้อหรือยืมหนังสือ ของ ศ.ดร.นพ. สมศักดิ์ วรคามิน
หรือต้องการซื้อหรือยืมหนังสือ ของ ศ.ดร.นพ. สมศักดิ์ วรคามิน
หรือจองที่นั่งฟังบรรยาย ฟรี จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
โทร 081-467-4142
โทร 081-467-4142
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น